Matching Colors for Your Garden แต่งสวนให้เจิดจรัสด้วยสีสัน

สีเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งทำหน้าที่แต่งแต้มสวนของเราให้ดูสวยงาม ช่วยสร้างมิติให้พื้นที่ดูแคบลงหรือกว้างขึ้น รวมถึงบ่งบอกความรู้สึกได้ด้วย เช่น โทนสีร้อนให้ความรู้สึกสนุกสนาน ส่วนโทนสีเย็นสร้างบรรยากาศที่ดูสงบและผ่อนคลาย สีเข้มแบบเอิร์ธโทนก็ดูอบอุ่นเป็นกันเองและให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ การจัดแต่งสวนจึงควรคำนึงถึงการจัดองค์ประกอบของสีสันที่เหมาะเจาะ ถูกใจทั้งผู้เป็นเจ้าของและผู้พบเห็น “การ์เด้นไอเดีย” ฉบับนี้ ขอแนะนำเทคนิคการเลือกใช้สีสันมาแต่งแต้มสวนให้สวยงามและเหมาะสม ทั้งในส่วนของพรรณไม้และงานฮาร์ดสเคป ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กันดูครับ

สำหรับเรื่องทฤษฎีสีนั้นอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆด้วยการดูวงจรสี ซึ่งจะเริ่มต้นจากแม่สี ได้แก่ แดง เหลือง และน้ำเงิน ถือเป็นสีขั้นที่หนึ่ง เมื่อนำแม่สีทั้งสามมาผสมกันก็จะได้สีขั้นที่สอง ได้แก่ ส้ม เขียว และม่วง หากนำแม่สีและสีขั้นที่สองมาผสมกันก็จะได้สีขั้นที่สาม ได้แก่ เหลืองส้ม แดงส้ม แดงม่วง น้ำเงินม่วง น้ำเงินเขียว และเหลืองเขียว ในวงจรสีจึงแบ่งเป็นวรรณะสีร้อนและวรรณะสีเย็น โดยใช้สีเหลืองและม่วงเป็นตัวแบ่งที่ชัดเจน ส่วนสีน้ำตาล เทา ขาว และดำนั้นถือเป็นสีกลางที่ใช้ได้กับทุกสี
สีกับพรรณไม้
ต้นไม้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของสวน สีสันของต้นไม้มาจากส่วนของดอก ใบ และลำต้น แต่หลักๆเราจะได้สีเขียวจากใบ สีสันที่จะเพิ่มเติมจึงควรเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดจุดเด่นตัดกับสีเขียวซึ่งเป็นพื้นหลัง หรืออาจหาไม้ใบสีอื่นๆ เช่น โกสน ฤๅษีผสม บอนสี ฯลฯ มาตกแต่งร่วมกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้และสไตล์ของสวน
สวยด้วยโทนสีเดียว
การใช้สีในการจัดสวนให้สวยอาจเริ่มต้นง่ายๆด้วยการปลูกพรรณไม้ในโทนสีเดียวกันเป็นกลุ่มใกล้กัน เช่น แดง แดงอ่อน และชมพู หรือน้ำเงิน ฟ้า และม่วง เพื่อให้คุมโทนได้ง่าย ทั้งยังดูตัดกันกับสีเขียวของใบไม้ที่เป็นพื้นหลัง เรามักเห็นได้ตามทุ่งดอกไม้ เช่น ทุ่งดอกไม้ป่า แปลงดอกกุหลาบ เหมาะกับสวนที่ต้องการสร้างจุดเด่น เพิ่มความสว่าง และทำให้ดูเป็นภาพรวมเดียวกัน

สองสีตัดกัน
ในทางทฤษฎีแล้ว การใช้โทนสีตัดกันจะส่งผลให้เกิดความน่าสนใจ เมื่อนำมาใช้กับสวนก็ช่วยให้สวนดูโดดเด่นยิ่งขึ้น สำหรับเรื่องคู่สีที่ใช้ก็ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว จะใช้กลุ่มคู่สีตรงข้ามอย่างเขียว-แดง เหลือง-ม่วง หรือส้ม-น้ำเงินก็ได้ หรือจะจัดคู่สีเองอย่างแดง-น้ำเงิน หรือเหลือง-แดงก็ไม่ผิด แต่สิ่งที่ควรระวังคือไม่ควรใช้กลุ่มสีที่ใกล้กันจนเกินไป จะทำให้ดูเป็นโทนสีเดียวกัน เช่น กลุ่มสีฟ้า-ม่วง หรือแดง-ส้ม บางครั้งเราอาจดึงโทนสีขาวมาใช้ก็ได้ จะช่วยลดความเข้มของสีอีกโทนหนึ่งให้ดูสบายตาขึ้น เทคนิคนี้ใช้ได้กับสวนทุกรูปแบบ ช่วยให้สวนดูสดใสและไม่น่าเบื่อจนเกินไป

หลากสีสดใส
พืชพรรณตามธรรมชาติจะมีสีสันผสมปนเปกันไป ดังนั้นเทคนิคการใช้มากกว่า 2 โทนสีจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็มีบางเรื่องที่ควรระวัง เช่น ควรเลือกใช้ไม่เกิน 4 สี ไม่อย่างนั้นจะดูลายตาเกินไป ทางที่ดีควรใช้กลุ่มสีคู่ตรงข้าม 2 คู่ หรือเป็นคู่สีทั้ง 3 สีในวงจรสี ได้แก่ แดง เหลือง และน้ำเงิน หรือส้ม เขียว และม่วง สิ่งสำคัญอีกอย่างคือดอกไม้หรือใบไม้ที่เลือกใช้ควรมีขนาดเท่ากัน เพื่อไม่ให้ปริมาณของสีใดสีหนึ่งดูต่างกันมากจนอีกสีกลายเป็นส่วนเกินโดยไม่ได้ตั้งใจ เทคนิคนี้นิยมใช้กับสวนที่มีพื้นที่กว้างพอสมควร สวนที่ให้ความรู้สึกของทุ่งหญ้าชนบทตามธรรมชาติ หรือสวนโชว์ตามงานแสดงต่างๆ
สีกับงานฮาร์ดสเคป
นอกจากสีสันของพรรณไม้แล้ว อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยให้สวนของเราสวยงามขึ้นก็คืองานฮาร์ดสเคป เช่น ทางเดิน ศาลา หรือบ่อน้ำ ซึ่งมีส่วนช่วยคุมโทนของสีในสวนได้ง่ายและชัดเจนกว่าพรรณไม้ อีกทั้งยังจัดการได้ง่ายและคงอยู่ถาวร การเลือกใช้สีกับองค์ประกอบนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ สีที่ใช้ก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบสีทา สีผสมในเนื้อปูน ปูนฉาบสี หรือแม้แต่สีจาก soft finishing เช่น ผ้าหุ้มเบาะหรือหมอน

ใช้สีเดียวคุมโทน
หลักการเลือกใช้สีในเทคนิคนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น เลือกสีที่ตัดกับพรรณไม้โดยรอบ เพื่อสร้างความน่าสนใจ หรือคำนึงจากโทนสีร้อน-เย็น ซึ่งโทนสีเย็นจะให้ความรู้สึกโปร่งสบายมากกว่า ดังนั้นโทนสีร้อนจึงไม่เหมาะกับสวนที่มีขนาดเล็กมากนัก แต่หากอยากใช้จริงๆควรใช้เพียงเล็กน้อยสัก 20 เปอร์เซ็นต์ก็พอ หรือจะใช้โทนสีขาว-เทา-ดำซึ่งดูเป็นกลางและตัดกับพรรณไม้ทุกสีก็ได้
คู่สีที่คู่ควร
การเลือกคู่สีมาใช้กับงานฮาร์ดสเคปไม่ได้มีแค่โทนสีที่ตัดกันเพียงอย่างเดียว เราอาจเลือกจากรูปแบบของสวนที่ต้องการนำเสนอ เช่น คู่สีขาว เทา และดำที่ดูขรึม ก็เหมาะกับสวนสไตล์คลาสสิก คู่สีส้ม-ฟ้าที่มักใช้คู่กับสวนสไตล์เม็กซิกัน หรือคู่สีขาว-ฟ้าที่ให้ความรู้สึกถึงสวนแบบเมดิเตอร์เรเนียน อย่างไรก็ดีควรใช้คู่สีควบคู่ไปกับองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ จะช่วยให้สวนดูลงตัวยิ่งขึ้น ซึ่งคู่สีเหล่านี้อาจมาจากรสนิยมของผู้ที่เป็นเจ้าของก็ได้ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และจะนำไปสู่การสร้างเอกลักษณ์ของสวนได้เลยทีเดียว
สบายตาด้วยสีเบาๆ
ปัจจุบันโทนสีพาสเทล (สีที่ผสมสีขาวและให้โทนสีที่อ่อนลงจากสีเดิม) หรือแม้แต่โทนสีนิวทรัลอย่างเทาและครีม ดูจะได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะให้ความรู้สึกสบายตาและยังเล่นกับสีอื่นๆได้หลากหลาย มือใหม่ที่ลองจัดสวนเองก็หยิบมาใช้ได้อย่างไม่ต้องระมัดระวังมากนัก เหมาะกับสวนสไตล์หวานๆ ให้บรรยากาศอบอุ่น นับเป็นโทนสีเบาๆที่ช่วยลดทอนสีจัดจ้าของพรรณไม้ โดยเฉพาะไม้ดอกได้เป็นอย่างดี

สวยไม่เปลี่ยนด้วยสีเอิร์ธโทน
สำหรับผู้ชอบสวนแนวธรรมชาติหรือเพิ่งเริ่มจัดสวนเอง ขอแนะนำให้ลองใช้สีเอิร์ธโทนที่มาจากสีของดินและหินในธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาล สีอิฐ และสีเทา นอกจากทำให้ภาพรวมของสวนดูสวยไม่ขัดกับสีจริงในธรรมชาติแล้ว ยังปรับเปลี่ยนเป็นสวนสไตล์อื่นๆได้ในภายหลัง ซึ่งจะให้ความรู้สึกไม่โดดเกินไป ยิ่งถ้าใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติอย่างหิน กรวด หรือดินเผาด้วยแล้ว ก็ช่วยให้สวนดูสวยงามได้ตลอดเวลา

Tips
คุณสมบัติของสี
นอกจากคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่ว่าโทนสีร้อน (แดง ส้ม) สร้างความรู้สึกว่าสวนมีขนาดเล็กและดูใกล้ชิดกัน ต่างจากโทนสีเย็น (น้ำเงิน ฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกกว้างขวางและปลอดโปร่ง สีแต่ละสีก็ยังมีความหมายในตัวเองอีกด้วย ดังนี้
สีเขียว เป็นสีกลางที่อิทธิพลต่อสวน เพราะเป็นสีธรรมชาติที่ได้จากใบไม้เป็นส่วนใหญ่ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโทนสีร้อนหรือเย็นก็ได้ สีนี้ยังให้ความรู้สึกสดชื่น สงบ และดูอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้น
สีแดง โทนสีแดงไปจนถึงส้มให้ความรู้สึกตื่นเต้น อบอุ่น ร้อนแรง ทรงพลัง และกระปรี้กระเปร่า ซึ่งตัดกันได้ดีกับสีเขียวของใบไม้ เหมาะกับสวนที่รับแดดทั้งวัน แสดงออกถึงความสดใส แต่หากใช้มากเกินไปจะทำให้สวนดูร้อนและข่มจุดเด่นในส่วนอื่นๆลง
สีเหลือง นอกจากความรู้สึกอบอุ่นและสดใส สีนี้ยังนำไปใช้คู่กับโทนสีร้อนได้ดี และยังเชื่อมต่อกับสีเขียวของใบไม้ที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว หากนำไปใช้คู่กับโทนสีอื่นๆก็สามารถตัดกันได้ดีเช่นกัน
สีน้ำเงิน หากเป็นเฉดสีเข้มจะให้ความรู้สึกโดดเด่น ตัดกับสีเขียวของใบไม้ ขณะที่เฉดสีอ่อนจะให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง เย็นสบาย สีม่วงเองก็มีคุณสมบัติเป็นกลาง เข้ากันได้กับโทนสีแดง ทั้งยังตัดกันดีกับโทนสีเหลือง
สีขาว เป็นสีที่เข้าได้กับทุกโทนสี ช่วยเบรกความแรงของสีนั้นๆให้ดูอ่อนลงและสว่างขึ้น เมื่อใช้กับผิวของวัสดุจะทำให้ดูเป็นของแข็ง หากใช้กับสีของพรรณไม้จะให้ความรู้สึกบริสุทธิ์ สว่าง และกลมกลืนกัน
สีดำหรือเทา ช่วยให้สีอื่นๆเกิดมิติ มีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความรู้สึกกว้างของพื้นที่ขนาดใหญ่ให้ดูแคบลงอีกด้วย
สีน้ำตาล หากใช้อย่างเหมาะสมในปริมาณไม่มากนักจะช่วยให้ดูอบอุ่น เป็นกันเอง ได้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่หากใช้มากเกินไปอาจรู้สึกอึดอัด ไร้ชีวิตชีวา และยังเป็นสีที่ใช้เบรกกับสีอื่นได้ง่าย

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก http://www.baanlaesuan.com/ และรูปภาพสวยๆจาก Pinterest